วันเสาร์ที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559
วันอาทิตย์ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559
ประวัติความเป็นมาของข้าวเกรียบ
กือโป๊ะ" ถือเป็นอาหารขบเคี้ยวอย่างหนึ่งที่ชาว จ.นราธิวาส นิยมบริโภคเป็นอาหารว่างประจำวัน ทั้งยังเป็นสินค้าประเภทของฝากชนิดหนึ่งที่เลื่องชื่อสำหรับชาวบ้านที่นิยมซื้อไปฝากเครือญาติที่ไปทำงาน หรืออาศัยอยู่ในต่างภูมิภาค กือโป๊ะ เป็นคำนามในภาษายาวี หรือภาษาท้องถิ่นที่ใช้สื่อความหมายถึง "ข้าวเกรียบ" ในภาคภาษาไทย ที่ได้รับความนิยมจากผู้บริโภค จนมีผู้ผลิตขึ้นมาทอดขายกันริมฟุตบาทบนถนนแทบจะทุกสายในเขตเทศบาลเมืองนราธิวาส คล้ายกับส้มตำที่มีขายกันเกลื่อนเมืองในภาคอีสาน
กือโป๊ะ คือ อาหารขบเคี้ยวชนิดแผ่นบางทอดกรอบจิ้มด้วยน้ำจิ้มมีรสเผ็ดอมหวานเหมือนน้ำจิ้มไก่ย่าง อุดมไปด้วยแคลเซี่ยมและโปรตีน ที่เหมาะสมทางด้านโภชการสำหรับผู้บริโภคทุกวัย เพราะมีปลาสด แป้งมัน และแป้งสาคู เป็นส่วนผสมหลักในกระบวนการผลิต โดยขั้นแรก นำปลาสดมาตัดหัวตัดหางล้างให้สะอาด แล้วนำเข้าเครื่องบดให้ละเอียด เติมส่วนผสม ซึ่งมีแป้งมัน แป้งสาคู และเกลือ นวดคลุกเคล้าให้ส่วนผสมเข้ากันเป็นเนื้อเดียวกัน เสร็จแล้วจึงปั้นเป็นแท่งทรงกลมขนาด เส้นผ่าศูนย์กลาง 2 นิ้ว ยาว 1 ฟุต และนำมาต้มในน้ำเดือดจนสุก แล้วนำขึ้นมาผึ่งลมจนแห้งและแช่เย็นเพื่อให้แท่งข้าวเกรียบแข็งตัวง่ายต่อการนำเข้าเครื่องหั่นเป็นแผ่นบางๆ เสร็จแล้วนำไปทอดในกระทะน้ำมันเดือดจนกรอบ และบรรจุถุงออกวางขายในราคาถุงละ 20 บาท
ภูมิปัญญาท้องถิ่น
ข้าวเกรียบปลาสด จังหวัดนราธิวาส
ข้าวเกรียบปลาสด หรือ กะโป๊ะ ทำจากปลาทุกชนิดที่ใช้ทำเป็นลูกชิ้นปลานำมาทำข้าวเกรียบปลาได้ ซึ่งมีวิธีการผลิตใช้เทคนิคและวิธีการด้วยภูมิปัญญาชาวบ้านและเป็นการถนอมอาหารสามารถเก็บไว้รับประทานได้นาน ข้าวเกรียบปลาสดนิยมนำมารับประทานเป็นอาหารว่างหรือกับแกล้ม แต่ผู้รับประทานมักเข้าใจผิดว่าข้าวเกรียบปลาคงจะมีกลิ่นคาวหรืออร่อยไม่เท่าข้าวเกรียบกุ้ง ชาวบ้านจึงได้พัฒนารสชาติให้ดียิ่งขึ้น
ส่วนผสม
1.แป้งมัน 1 กิโลกรัม
2.เนื้อปลา 6 ขีด
3.เกลือป่น 2 ช้อนโต๊ะ
4.พริกไทยป่น 3 ช้อนโต๊ะ
5.น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ
6.กระเทียมโขลกละเอียด 3 ช้อนโต๊ะ
7.น้ำเดือด 1 ถ้วยตวง8.น้ำ ½ ถ้วยตวง
วิธีทำ 1. ชำแหละปลาเอาแต่เนื้อ นำไปลวกน้ำร้อนพอสุกๆ ดิบๆ แล้วนำมาสับให้ละเอียดถ้าเป็นปลาที่มีกลิ่นคาวมาก ให้ล้างน้ำเกลือ 4% (น้ำ 1 ลิตร เกลือ 2 ช้อนโต๊ะ) ก่อนที่จะนำไปสับให้ละเอียด
2. นำแป้งมัน เกลือป่น พริกไทยป่น น้ำตาลทรายมาผสมให้เข้ากันดี
3. นำแป้งที่ผสมแล้ว 1 ถ้วยตวง นวดกับน้ำเดือดก่อนเพื่อเป็นเชื้อ แล้วจึงค่อยเติมเนื้อปลา กระเทียมโขลกละเอียด และแป้ง นวดจนเหนียวเป็นเนื้อเดียวกันจนกระทั่งหมดส่วนผสม นานประมาณ 20 นาที
4. นำแป้งและปลาที่ผสมเครื่องเทศเรียบร้อยแล้วมาปั้นเป็นแท่งกลมยาว แล้วใส่ภาชนะที่กรุด้วยใบตอง นึ่งประมาณ 1 – 1 ½ ชั่วโมง แล้วแต่ขนาดของท่อนข้าวเกรียบ
5. เมื่อนึ่งเสร็จแล้ว ตั้งทิ้งไว้ค้างคืนเพื่อให้ผิวนอกแข็ง สะดวกในการหั่น
6. หั่นข้าวเกรียบที่นึ่งแล้วเป็นชิ้นบาง ๆ ด้วยมีด แล้วตากบนแผงตากข้าวเกรียบประมาณ 1-2 แดด เมื่อแห้งสนิทดีแล้ว ก็พร้อมบรรจุถุงขาย
1.แป้งมัน 1 กิโลกรัม
2.เนื้อปลา 6 ขีด
3.เกลือป่น 2 ช้อนโต๊ะ
4.พริกไทยป่น 3 ช้อนโต๊ะ
5.น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ
6.กระเทียมโขลกละเอียด 3 ช้อนโต๊ะ
7.น้ำเดือด 1 ถ้วยตวง8.น้ำ ½ ถ้วยตวง
วิธีทำ 1. ชำแหละปลาเอาแต่เนื้อ นำไปลวกน้ำร้อนพอสุกๆ ดิบๆ แล้วนำมาสับให้ละเอียดถ้าเป็นปลาที่มีกลิ่นคาวมาก ให้ล้างน้ำเกลือ 4% (น้ำ 1 ลิตร เกลือ 2 ช้อนโต๊ะ) ก่อนที่จะนำไปสับให้ละเอียด
2. นำแป้งมัน เกลือป่น พริกไทยป่น น้ำตาลทรายมาผสมให้เข้ากันดี
3. นำแป้งที่ผสมแล้ว 1 ถ้วยตวง นวดกับน้ำเดือดก่อนเพื่อเป็นเชื้อ แล้วจึงค่อยเติมเนื้อปลา กระเทียมโขลกละเอียด และแป้ง นวดจนเหนียวเป็นเนื้อเดียวกันจนกระทั่งหมดส่วนผสม นานประมาณ 20 นาที
4. นำแป้งและปลาที่ผสมเครื่องเทศเรียบร้อยแล้วมาปั้นเป็นแท่งกลมยาว แล้วใส่ภาชนะที่กรุด้วยใบตอง นึ่งประมาณ 1 – 1 ½ ชั่วโมง แล้วแต่ขนาดของท่อนข้าวเกรียบ
5. เมื่อนึ่งเสร็จแล้ว ตั้งทิ้งไว้ค้างคืนเพื่อให้ผิวนอกแข็ง สะดวกในการหั่น
6. หั่นข้าวเกรียบที่นึ่งแล้วเป็นชิ้นบาง ๆ ด้วยมีด แล้วตากบนแผงตากข้าวเกรียบประมาณ 1-2 แดด เมื่อแห้งสนิทดีแล้ว ก็พร้อมบรรจุถุงขาย
วันเสาร์ที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559
แนะนำตัวเอง
ชื่่อ นางสาว อามีเาะห์ นามสกุล เจะแว
รหัสนักศึกษา 5910010208066
สาขาวิชา การพัฒนาชุมชน
ชั้นปีที่ 1 ห้อง1/59
รหัสนักศึกษา 5910010208066
สาขาวิชา การพัฒนาชุมชน
ชั้นปีที่ 1 ห้อง1/59
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)